“โกลเบล็ก” จับตาธนาคารกลางทั่วโลกขึ้นดอกเบี้ยตามเฟดสกัดเงินเฟ้อ

ข่าวล่าสุด

บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยผันผวน เหตุกังวลขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็ว และแรงกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกขยับดอกเบี้ยตาม เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ประกอบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแตะระดับ 1 หมื่นราย 3 วันติดต่อกัน จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,650-1,700 จุด และแนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นคุณค่า (value play) ได้แก่ KBANK-BBL-SCB-EA-GULF-ADVANC-TRUE -DTAC และหุ้นที่ได้อานิสงส์การจำหน่ายชุดตรวจ ATK ได้แก่ SMD-WINMED-TM

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นว่า มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากมีความกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้นและแรงกว่าที่คาดเนื่องจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือนมกราคมที่ประกาศออกมาสูง และคาดการณ์เงินเฟ้อจะพุ่งต่อจากระดับ 7% ในเดือนธันวาคม 64 เป็น 7.2% ในเดือนมกราคม 65 ซึ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี โดยเห็นได้จาก FedWatch Tool ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 35% ที่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมีนาคมนี้จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 14%

ขณะเดียวกันธนาคารกลางในหลายประเทศได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเฟด เพื่อสกัดเงินเฟ้อเช่นกัน โดยธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ได้นำร่องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อนแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางรัสเซียจะเป็นรายต่อไปที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดคาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 1% สู่ระดับ 9.50% ในการประชุมนโยบายการเงินวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2560 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ในการประชุมติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นตัวเลขแตะระดับหลัก 1 หมื่นรายต่อเนื่อง และจำนวนตัวเลขตรวจ ATK เร่งตัวขึ้นแตะระดับ 4 พันเศษเช่นกัน จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,650-1,700 จุด

ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2565 คาดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม สหรัฐรายงานตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธันวาคม และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มทยอยออกมา โดยเฉพาะจะมีการเปิดลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 4 สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่เคยใช้สิทธิ ซึ่งช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบมากขึ้น และทางจีนจะมีการเปิดเผยยอดขายรถเดือนมกราคม FDI เดือนม.ค. ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่รวมทั้งสกุลเงินหยวนเดือนมกราคม รวมทั้งสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนมกราคม และความกเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์

ทั้งนี้แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในกลุ่มหุ้นคุณค่า (value play) ได้แก่ KBANK, BBL, SCB, EA, GULF, ADVANC, TRUE และ DTAC รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการจำหน่ายชุดตรวจ ATK เพิ่มขึ้น ได้แก่ SMD, WINMED และ TM

อ้างอิง
https://siamrath.co.th/economy